Blogs & Articles

การตลาดออนไลน์ เทคนิคการทำ Conversion บน Facebook อย่างไรให้เสียเงินน้อย แต่ได้ผลเกินคาด

การตลาดออนไลน์

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม หรือลงทุนทำบางสิ่งบางอย่าง แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือ คุณจำเป็นที่จะต้องวัดผลลัพธ์ต่างๆ ที่ตามมาด้วย เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นเป็นไปในทิศทางที่บวกหรือลบ เช่นเดียวกัน สำหรับการตลาดบนโลกออนไลน์ ผ่านการโฆษณา ไม่ว่าคุณจะโฆษณาผ่านช่องทางใดก็ตามเช่น  Google Ads หรือ Facebook Ads คุณจำเป็นที่จะต้องวัดผลลัพธ์หรือที่เรียกว่าความคุ้มค่าของการโฆษณา โดยผลลัพธ์ที่ว่านี้จะออกมาในรูปแบบของตัวเลข ในเชิงของธุรกิจอาจจะวัดผลลัพธ์จากสูตรการคำนวณผลตอบแทนความคุ้มค่าจากการลงทุน แต่ในเชิงของการตลาดออนไลน์เรามักจะเรียกมันว่า Conversion

การตลาดออนไลน์

สำหรับวันนี้เราจะมาบอก เทคนิคการทำ Conversion บน Facebook อย่างไรให้เสียเงินน้อย แต่ได้ผลลัพธิ์ที่ดีเกินคาด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการหรือนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ทุกคน เพื่อใช้ในการโฆษณาบน Facebook โดยไม่ต้องใช้เงินทุนเยอะแต่กลับให้ได้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม 

ความหมายของ Conversion ตามคำจำกัดความของ Facebook 

Conversion หมายถึง การที่ User กระทำการใดการหนึ่ง หรือเรียกว่า Feedback ที่ลูกค้าโต้ตอบกับโฆษณาของเรา ไม่ว่าจะเป็นการสมัครบริการ การแชร์ต่อ การซื้อสินค้าผ่านลิงค์เว็บไซต์ การกรอกรายละเอียด ฯลฯ โดยเป็นการกระทำที่ตรงกับเป้าหมายของผู้สร้างโฆษณานั่นเอง

digital marketing

ซึ่งแน่นอนว่าหากต้องการให้เกิด Conversion  กับ Facebook นั้น จะต้องมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของ Facebook Ads หลายคนทำโฆษณากับ Facebook ผลปรากฏว่ามีผลตอบรับที่ดี เช่น มีคนคลิกเข้ามาดูเว็บไซต์มากยิ่งขึ้นช่วยเพิ่ม Traffic ให้แก่เว็บไซต์ หรือมีการกรอกข้อมูล ตลอดจนมีการสมัครต่างๆ เข้ามา แต่กลับไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ทำให้ต้องเสียเงินลงทุนที่เยอะแล้วได้ผลตอบรับที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 

การตลาดออนไลน์
เทคนิคการทำ Conversion บน Facebook ลงทุนน้อย แต่ได้ผลดี 

-ทดลองตลาด

ก่อนลงโฆษณา แนะนำให้คุณทดลองกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องสูงมากนัก เพื่อดูผลตอบรับว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายมี feedback อย่างไร ต่อโฆษณานั้นๆ เช่น หากคุณมีงบประมาณ 10,000 บาท แทนที่คุณจะทุ่มเงินทั้งหมด 10,000 บาท เพื่อใช้ในการทำโฆษณาไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย แต่จะดีกว่าไหมหากคุณใช้เงินลงทุนแรกเริ่ม โดยคุณอาจจะใช้เงินลงทุนในจำนวนแค่ 5,000 บาท เพื่อดูทิศทางความสำเร็จ และหากผลตอบรับเป็นไปในทิศทางบวก คุณก็เพียงแค่เพิ่มเงินเข้าไปอีก 5,000 บาท จัดเต็มกับงบประมาณที่มีอยู่ เพื่อกระตุ้นให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเป็นไปในทิศทางลบ คุณก็ไม่จำเป็นที่ต้องเสียเงินลงทุนเพิ่ม ทำให้คุณมีเงินเหลือตั้ง 5,000 บาท เพื่อไปคิดวางแผนกลยุทธ์ทำแคมเปญอื่นๆ ในการโฆษณาครั้งต่อไปแทน 

-ทำความเข้าใจระหว่างการ Post Boosting กับ Advertising 

หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า Post Boosting กับ Advertising ทั้ง 2 อย่างนี้ มีความหมายที่เหมือนกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การ Post Boosting นั้น Facebook จะยิงโฆษณาไปยังกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการกด Like การกด Share หรือการ Comment มากกว่า ดังนั้น สำหรับการ Post Boosting จึงเหมาะกับการสร้างการรับรู้แบรนด์มากกว่าการขายสินค้า แต่มีหลายๆ คนที่เลือกใช้การ Post Boosting เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยอาจใช้เงินทุนที่สูง แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่าที่ควร ซึ่งไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด อย่างที่บอกว่า Post Boosting นั้นจะเหมาะกับการโปรโมทสินค้ามากกว่า เช่น การโปรโมทสินค้าผ่านบทความหรือข่าวสาร เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการขาย หากวัตถุประสงค์ของคุณคือการกระตุ้นยอดขายสินค้าและบริการ ก็ไม่ควรที่จะใช้กลยุทธ์ในการ Post Boosting เพราะจะทำให้เงินลงทุนที่เสียไปนั้น สูญเปล่า โดยคุณต้องเลือกใช้การ advertising ในรูปแบบอื่นๆ หรือทำ Retargeting เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายแทน

-ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือ Social Listening tools

Social Listening tools เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการดักฟังเสียงของสังคมบนออนไลน์ ผ่านการ Monitor ด้วยการ set keyword คำที่ต้องการลงไป เช่น ชื่อสินค้าของคุณ หรือชื่อสินค้าของคู่แข่ง เพื่อทำให้คุณได้รู้ความเคลื่อนไหวของผู้บริโภคและรู้ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในกลุ่มเป้าหมายเชิงลึก นอกจากนั้นยังทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของคู่แข่งอีกด้วย และประโยชน์ที่สำคัญของเครื่องมือนี้ก็คือ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของลูกค้า เพื่อให้คุณนำมาสร้างเป็น Content ที่น่าสนใจในการโฆษณาได้ ซึ่งหากคุณใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การนำ Keyword สำคัญที่ได้จากการวิเคราะห์มาสร้าง Content หรือสร้างโฆษณาที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จะทำให้ธุรกิจมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็ว และทำให้การจ่ายเงินค่าโฆษณา Facebook Ads ไม่สูญเปล่า หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ คุณไม่จำเป็นที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากมายมหาศาล แต่กลับได้ Conversion ที่คุ้มค่ามากกว่า เพียงแค่คุณเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคว่าพวกเขาต้องการอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือในช่วงเวลานี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายกำลังให้ความสนใจกับอะไรอยู่ หากคุณสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ด้านการโฆษณา ก็จะสามารถกระตุ้นการขายและทำให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

social listening tools

ทั้งหมดนี้ก็คือ เทคนิคการทำ conversion บน Facebook ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่มีจำนวนมากมายมหาศาล เพียงแค่เข้าใจความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย สร้างโฆษณาได้อยู่ในกระแสความสนใจ ทดลองตลาดก่อนลงสนามจริง รวมถึงเข้าใจวิธีการใช้งานหรือการทำโฆษณาบน Facebook Ads เลือกรูปแบบการโปรโมทโฆษณาที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เพียงเท่านั้น คุณก็ไม่จำเป็นที่ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในการทำ Facebook Ads แต่กลับได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด 

 

Mandala Team

Creator

Share this post

Search the blog

Mandala Newsletter

Sign-up to receive the latest insights in to online trends