Startup Branding hack: Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

Startup Branding hack: Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

Startup Branding hack: Branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

ทุกวันนี้เราคงจะปฎิเสธไม่ได้ว่ามีสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมากมาย บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็กำลังจะเจ๊ง แต่ถ้าหากเราต้องการความสำเร็จแล้วให้เราลองมองไปที่สตาร์ทอัพใหญ่ๆ อย่างเช่น Grab หรือสตาร์ทอัพสายท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่าง take me tour จะพบว่ามีปัจจัยหนึ่งที่มีร่วมกันและช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ branding แล้ว Branding คืออะไร?

ติดตามได้หลากหลายช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็น e-mail, line หรือ youtube
Subscribe

Branding คืออะไร

แบรนด์ดิ้งหรือการสร้างแบรนด์ เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ชื่อ โลโก้ รูปร่าง โฆษณาหรือใช้การเล่าเรื่องในการสื่อว่าเราขายอะไร สื่อถึงจุดเด่นที่เรามี และสื่อความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อใช้สินค้าหรือบริการ ยกตัวอย่างเช่น ชื่อและโลโก้ของ take me tour ที่สามารถบอกได้ว่าบริษัทนั้นขายสินค้าหรือบริการอะไร และสื่อประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากโลโก้ที่เป็นคนใส่หมวก สื่อได้ว่าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และมีจุดเด่นในการใช้ไกด์ที่เป็นคนในพื้นที่  เป็นต้น

Branding นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพียงชื่อหรือโลโก้เท่านั้น เราสามารถ Branding จากการเล่าเรื่องราวหรือที่มาเพื่อสื่อสารไปสู่ลูกค้าก็ได้ ซึ่งในบทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญของการ branding และทำ branding อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

Branding สำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการแบรนด์ดิ้งนั้นช่วยกิจการในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นต่อสตาร์ทอัพ อย่างเช่น Brand awareness ที่ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของเราในช่วงแรก หากสตาร์ทอัพขาดจุดนี้ไปในช่วงเริ่มต้น การที่ลูกค้าจะรู้จักแบรนด์ของเราก็ทำได้ยาก ซึ่ง brand awareness นี้เกิดขึ้นได้เพราะการ branding ของเรานั้นคือการสื่อสารออกไปด้วยสิ่งที่ลูกค้าคุ้นเคยหรือเกี่ยวข้อง ทำให้ลูกค้าเก็ตสารที่เราต้องการจะสื่อได้ง่ายขึ้น อีกด้านหนึ่ง branding นั้นสร้าง brand loyalty ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราอีกครั้งหนึ่ง เพราะ branding จะสื่อถึงความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่จะได้รับออกไปด้วย เมื่อลูกค้าต้องการประสบการณ์เช่นนั้นอีก การ branding ย่อมช่วยลูกค้าในการนึกถึง หรือพูดง่ายๆ การ branding ทำให้ลูกค้าไม่ลืมนั่นเอง แต่เหล่าสตาร์ทอัพจะต้องทำแบรนด์ดิ้งอย่างไรให้ได้ผลเช่นนั้น?

Branding 101: ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่า branding คืออะไร และส่งผลยังไงต่อสตาร์ทอัพ และคงจะสงสัยว่าทำ branding อย่างไรให้ได้ผลหรือประสบความสำเร็จ เราจะมาหาคำตอบกัน

สร้าง brand identity ที่เหมาะสม

การจะสร้าง brand identity ที่ดีหรือช่วยสร้าง brand awareness นั้น มี 4 สิ่งที่ต้องทำ เพื่อที่จะทำให้ branding ได้ตรงจุดและสื่อสารตรงกับความต้องการของเรา ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเก็ทสิ่งที่เราต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยเราจะเริ่มจาก

  • วิเคราะห์ตลาด

เพื่อที่จะได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมองแบรนด์เราอย่างไร หรือพูดง่ายๆว่าถ้าให้บริษัทมีชีวิตแล้วทุกคนมองบริษัทเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเราจะเอาข้อมูลตรงนี้ไปใช้ในการสร้าง brand identity โดยอาจทำการวิจัยจากลูกค้า พนักงาน หรือผู้บริหาร โดยคำถามเกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อกิจการ และมุมมองในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้เราสร้าง brand identity ได้ตรงกับมุมมองที่คนอื่นมอง

ตัวอย่างคำถามที่ถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับว่าเขามองแบรนด์เราอย่างไร และคิดว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

หลังจากนั้น เราจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือคู่แข่งของเรา เพราะเดิมที่แล้วการสร้าง brand identity ก็เกี่ยวกับการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเราจะวิเคราะห์ว่าคู่แข่งของเรานั้น present ตัวเองอย่างไร และใช้ข้อมูลนี้รวมกับการวิเคราะห์ตลาดมาสร้างความแตกต่าง

Branding สิ่งที่เรามี เเละ ลูกค้าต้องการ เเถมคู่เเข่งยังไม่มีเเบบที่เราให้

Grab และ Uber แม้แนวทางธุรกิจจะคล้ายกัน แต่ให้ความรู้สึกคนละแบบกัน เช่น grab อาจจะให้ความรู้สึก local กว่า uber ทำให้การสร้าง brand identity ออกมาคนละแบบด้วย

  • ออกแบบ

หลังจากการวิเคราะห์ตลาด เรามีข้อมูลที่จะใช้สร้างสิ่งที่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์เราหรือ brand identity เราจะเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นการออกแบบ  โดยเป้าหมายก็คือการทำคำให้มีชีวิต ซึ่งจะทำให้เราออกแบบได้ง่ายขึ้น เช่น

เขียนโปรแกรม→ตัวอักษรหลายแถว

เขียนโปรแกรม→คอมพิวเตอร์→หุ่นยนต์

หลังจากนั้นเราจึงมาเลือกว่าคำใดที่สื่อได้ดีที่สุด ลูกค้าเก็ทได้ดีที่สุด หรือลูกค้าเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด แล้วจึงนำไปสร้าง brand identity ต่อไป

Bomberbot สตาร์ทอัพจากเนเธอร์แลนด์ ที่มีจุดประสงค์ให้เด็กเขียนโค้ดด้วยความสนุกสนาน ดังนั้นสีที่หลากหลายและโลโก้จึงสื่อถึงความสนุก และยังมีรูปร่างเรขาคณิตเพื่อจะสื่อถึงการเรียนรู้อย่างเป็นระบบอีกด้วย

การออกแบบโดยใช้บุคลิกของบริษัทเมื่อเปรียบเป็นคนมาทำให้มีชีวิต ซึ่งทำให้ลูกค้าเก็ทง่ายขึ้นเมื่อพบเห็น

  • สร้างงาน

หลังจากที่เราวิเคราะห์ตลาดเกี่ยวกับบุคลิกของบริษัทและสร้างแนวคิดในการออกแบบแล้ว ขั้นถัดไปคือการสร้างงาน โดยการสร้างงาน ยกตัวอย่างเช่น โลโก้นั้น ขั้นแรกเราอาจร่างแบบก่อน แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าโลโก้ของเรานั้นสื่อสิ่งที่ต้องการได้ดีที่สุด

การ sketch logo ด้วยดินสอ และปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้โลโก้ของเราสื่อสารได้ดีที่สุด

หลังจากนั้นเราจึงมาเลือกธีมสีที่จะใช้ช่วยสื่อความรู้สึก เพราะสีนั้นส่งผลต่อการสร้างความรู้สึกอย่างมาก การใช้สีที่เหมาะสมจึงช่วยในการสื่อความรู้สึกถึงลูกค้า


สีแต่ละสีสื่อความรู้สึกไม่เหมือนกัน หากเราเลือกได้เหมาะสมแล้วธีมสีจะใช้สื่อบุคลิกของแบรนด์ได้ดี ทำให้ลูกค้าสัมผัสความรู้สึกที่เราจะสื่อง่ายขึ้น และทำให้ branding ประสบความสำเร็จ

  • สร้างไกด์ไลน์ในการออกแบบชิ้นต่อไป

หลังจากที่เราทำการวิเคราะห์ ออกแบบ สร้างงานแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือจัดทำไกด์ไลน์ในการออกแบบสิ่งอื่นๆ เพื่อให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกันนั่นเอง หากเราออกแบบคนละทิศละทาง เช่นโลโก้อาจให้ความรู้สึกคลาสสิกแก่ลูกค้า แต่ผลิตภัณฑ์กลับให้ความรู้สึกสมัยใหม่ จะทำให้การ Branding (อัตลักษณ์) ของแบรนด์นั้นไม่ประสบผลสำเร็จ และสิ่งที่ทำมาก็ถือว่าสูญเปล่า

ตัวอย่าง Brand guideline ในการออกแบบชิ้นถัดไป ซึ่งจะกำหนดธีมสี การใช้อักษรไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ชิ้นถัดไปไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้สื่อความรู้สึกไปถึงลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และช่วยสร้างเอกลักษณ์ด้วย

สิ่งที่เราได้อ่านไปนั้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการทำ branding ให้ประสบความสำเร็จจากการสร้าง brand identity อย่างเช่นโลโก้ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า ซึ่งเมื่อโลโก้ของเรานั้นเกี่ยวข้องกับลูกค้าทางใดทางหนึ่ง จะทำให้ลูกค้าเก็ทตัวผลิตภัณฑ์ว่าเราขายอะไรและความรู้สึกได้ง่ายขึ้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ผลดีเทียบเท่า brand identity และบริษัทส่วนใหญ่มักจะทำคู่กัน นั่นก็คือการเล่าเรื่องราวหรือที่มาของแบรนด์

เล่า story ให้ลูกค้าอิน

สำหรับเหล่าสตาร์ทอัพแล้ว คิดว่ามีไม่น้อยที่สร้างผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ การเล่าเรื่องราวถึงที่มานั้นช่วยให้ลูกค้ารู้เป้าหมายและจุดประสงค์ของเรา รวมทั้งสื่อ passion ที่เรามีไปสู่ลูกค้าด้วย ซึ่งช่วยในการ branding ในเรื่องของการสื่อถึงลูกค้าว่าเราขายอะไร เด่นอย่างไร และสื่อความรู้สึกเมื่อใช้งานและประสบการณ์ที่จะได้รับซึ่งคล้ายกับ brand identity อีกด้วย

อีเกีย ที่เล่าเรื่องราวและวิสัยทัศน์เพื่อเล่าจุดประสงค์ สิ่งที่ขาย และการสื่อถึงความรู้สึกที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งคล้ายกับการทำ brand identity เพียงแต่ออกมาในรูปแบบของการพิมพ์นั่นเอง


  • จะเล่าเรื่องอะไรดี

การหาเรื่องที่จะเล่านั้นไม่ยาก อาจเป็นในเรื่องว่าจุดประสงค์ของเราคืออะไร บริษัทมีแนวคิดว่าอย่างไร บริษัทแก้ไขปัญหาอะไร อย่างไร หรืออะไรที่ทำให้บริษัทยังทำงานอยู่เสมอ เป็นต้น

วิธีการเล่าเรื่องนั้นมีสิ่งสำคัญ 3 ส่วน

1. ทำให้เข้าใจง่าย หากเรื่องนั้นยากที่จะเข้าใจย่อมทำให้คนไม่อ่าน ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป หากทำให้เข้าใจง่ายและสื่อสารแต่สิ่งที่จำเป็นยิ่งจะช่วยในการเข้าถึงคนได้หลากหลายขึ้น หรือเล่าด้วยความกระชับ เป็นต้น

2. ใส่อารมณ์ความรู้สึก ด้วยตัวละคร บุคลิก ความสนุกตื่นเต้นหรือความเศร้า จะช่วยให้คนอินและคล้อยตามให้เขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่กำลังเล่า

3. เล่าความจริง การเล่าความจริงนั้นสำคัญที่สุด เพราะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจด้วย แม้อาจแต่งเติมบ้างเพื่อให้เรื่องน่าสนใจ แต่ต้องมีเค้าเรื่องเดิม และต้องสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ โดยหากแบรนด์มีลักษณะที่ดูสุขุม ก็ไม่ควรเล่าด้วยความสนุกสนาน หรือหากมีการล้มเหลวก็สามารถเล่าได้เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างเช่นสตาร์ทอัพชื่อดังหรือ Grab ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นที่จะแก้ไขปัญหาการเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งบอกถึงว่า grabนั้นมีสินค้าหรือบริการอย่างไร รวมถึงสื่อเป้าหมายของบริษัทที่จะทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าอยู่ขึ้น และสื่อความรู้สึกถึงลูกค้าด้วยการเกริ่นซึ่งให้ความรู้สึกเป็นกันเองแก่ลูกค้าอีกด้วย ซึ่งคล้ายกับการทำ brand identity เพียงแต่ออกมาคนละรูปแบบแต่ให้ผลลัพธ์ในการ Branding ให้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน